กนง. ลดอัตราดอกเบี้ย ดีหรือไม่?

Photo Source:http://www.dailynews.co.th

สรุปสั้นๆ>> "กนง.ลดดอกเบี้ยนโยบายหวังกระตุ้นเศรษฐกิจ เหลือ 2.25 ธนาคารพาณิชย์ตอบรับด้วยการลดดอกเบี้ยทั้งฝากและกู้" 

วิเคราะห์ >> 
1. ดอกเบี้ย สามารถพิจารณาได้เป็น 2 อย่าง คือเป็นทั้งผลตอบแทน (Rewards) ของการฝากเงิน และเป็นต้นทุน (Cost) หรือราคาของการกู้ ดังนัน หากลดอัตราดอกเบี้ยลง ย่อมจูงใจให้ภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจเข้ามา "กู้เงิน" มากยิ่งขึ้น

2. สำหรับภาคธุรกิจ กู้เพื่อนำไปลงทุนหรือขยายกิจการ ซื้อเทคโนโลยี การตลาด ต่างๆ นานา การลงทุนของเอกชนนี้ หากเป็นการขยายร้านหรือลงทุนทางกายภาพ จะ"ส่งผลต่อเนื่อง"ไปยังตลาดสินค้าและบริการรวมถึงตลาดแรงงาน นับเป็นผลทางบวก

3. สำหรับภาคครัวเรือน การลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จะเปิดโอกาสให้กู้เพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์ได้มากขึ้น อย่างที่กล่าวว่าดอกเบี้ยคือราคาของการกู้ เมื่อราคาถูกลง ตามหลักอุปสงค์อุปทานพื้นฐาน ปริมาณเสนอซื้อหรือความต้องการซื้อหรือในที่นี่คือความต้องกู้ย่อมมากขึ้นเป็นธรรมดา อย่างไรก็ตามต้องมีการระวังในเรื่องของฟองสบู่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ เพราะวิกฤติฟองสบู่แตกในวงการอสังหาริมทรัพย์ที่อเมริกา มีพื้นฐานมาจากการที่ประธาน Fed ในปี 2001 (อลัน กรีนแสปน) ได้ทำการลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ดังนั้น สิ่งที่ควรดูคือต้องควบคุมการขยายจำนวนการกู้ของทั้งฝั่งครัวเรือนและในนามบริษัท

4. ประเทศไทยดำเนินนโยบายการเงินแบบกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อ การลดอัตราดอกเบี้ยจะทำให้เงินในระบบมากขึ้น และท้ายที่สุด ปัญหาเงินเฟ้ออาจเกิดขึ้นได้ (แต่ไม่น่ากังวล เพราะกนง.มีการวางกรอบเงินเฟ้อในระยะ 1-2 ปีไว้แล้วอย่างดี)

5. การลดอัตราดอกเบี้ย เป็นการพยายามใช้นโยบายทางการเงินเข้ามาหวังกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะนโยบายทางการคลัง(ลดภาษี + รัฐบาลใช้จ่าย) ไม่อาจทำได้ในช่วงสถานการณ์แบบนี้หรือทำได้แต่จะถูกท้วงติง อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากการลงทุนที่จะช่วยเพิ่มการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจแล้วนั้น ยังมีการบริโภคภายในประเทศที่จะทำหน้าที่เป็นตัวแปรหลัก ดังนั้น เวลานี้คงต้องพึ่งคำว่า "ไทยช่วยไทย ชาติไทยเจริญ" นะครับ หันมาบริโภคสินค้าที่เป็น 100% made in Thailand ไปสักระยะหนึ่งเพื่อป้องกันการรั่วไหลของทรัพยากรครับ